Recent post

กริชเตียนู รูนัลดู ดุช ซังตุช อาไวรู (โปรตุเกส: Cristiano Ronaldo dos Santos Aveiro; เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1985) หรือที่รู้จักกันในชื่อ คริสเตียโน โรนัลโด เป็นนักฟุตบอล ชาวโปรตุเกส ปัจจุบันสังกัดอยู่กับสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดในลาลีกา เล่นในตำแหน่งกองหน้าและเป็นกัปตันทีม ของ ฟุตบอลทีมชาติโปรตุเกสคนปัจจุบัน โรนัลโดเป็นผู้เล่นที่มีค่าตัวแพงที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ฟุตบอลรองจากแกเร็ธ เบล หลังย้ายจากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด มาอยู่กับเรอัลมาดริด ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ โรนัลโดได้รับค่าจ้างในการลงเล่นให้กับเรอัลมาดริดจำนวน 12 ล้านปอนด์ต่อปี ทำให้เขาเป็นนักเตะที่มีค่าเหนื่อยมากที่สุดในโลก[3]
โรนัลโดได้ลงเล่นฟุตบอลในนามทีมเยาวชนของอังดูริญญา เมื่อเขาเล่นได้อยู่สองปี ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับนาซีอูนัลในปี 1997 เขาได้ทำสัญญาให้กับสโมสรยักษ์ใหญ่อย่างสปอร์ติงลิสบอน โรนัลโดได้ถูกพิจารณาย้ายตัวไปอยู่กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดโดยคนที่ซื้อเขาคือ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซื้อตัวเขามาด้วยจำนวนเงิน 12.24 ล้านปอนด์ โรนัลโดได้แชมป์เอฟเอคัพ ซึ่งเป็นเกียรติประวัติแชมป์แรกของเขาในปี 2003
โรนัลโดลงเล่นในเกมของฟุตบอลทีมชาติโปรตุเกส ในระดับชาตินัดแรกคือตอนเจอกับคาซัคสถาน ในเดือนสิงหาคม 2003 และหลังจากนั้นเขาได้ลงเล่นมากขึ้นรวมทั้งหมดถึงห้าทัวร์นาเมนต์ ได้แก่ ยูโร 2004, ฟุตบอลโลก 2006, ยูโร 2008, ฟุตบอลโลก 2010 และยูโร 2012 เขาทำประตูแรกในนามทีมชาติโปรตุเกสได้ในการแข่งขันยูโร 2004 ในนัดเปิดการแข่งขันที่เจอกับกรีซ เขาเป็นคนสำคัญในการนำทีมชาติโปรตุเกสเข้าไปชิงชนะเลิศในปี 2004 และหลังจากนั้นโรนัลโดได้มีบทบาทและได้ลงตำแหน่งตัวจริงมากขึ้น ในปี 2008 โรนัลโดได้เป็นกัปตันทีมครั้งแรกของทีมชาติโปรตุเกสได้นำทีมเข้าแข่งขันยูโร 2008 สามารถเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศได้ เขาสามารถยิงได้สามประตูในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์นี้ ในวันที่ 16 ตุลาคม 2012 โรนัลโดได้ลงเล่นครบ 100 นัดสำหรับทีมชาติโปรตุเกสในนัดที่เจอกับไอร์แลนด์เหนือ ทำให้เขาเป็นหนึ่งในสามนักเตะที่ลงเล่นให้กับทีมชาติโปรตุเกสเกิน 100 นัด[4] ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2012 เฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของเขาได้มีคนติดตามถึง 50 ล้านคน[5]
ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 มีการจัดอันดับตำแหน่งนักเตะรูปงามแห่งยูโร 2008 จัดทำโดยแอลจี บริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า คริสเตียโน โรนัลโดได้รับคะแนนโหวตครั้งนี้เป็นอันดับ 1[6] ในปี 2012 โรนัลโดได้รับรางวัลนักกีฬาไอบีเรีย-อเมริกา ประจำปี 2012 ประเภทนักฟุตบอลชาย[7]

ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมข้อมูลในส่วนนี้ได้
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมข้อมูลในส่วนนี้ได้
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมข้อมูลในส่วนนี้ได้
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมข้อมูลในส่วนนี้ได้
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมข้อมูลในส่วนนี้ได้

ประวัติ
คริสเตียโน โรนัลโด เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 ที่เกาะมาเดรา ประเทศโปรตุเกส เป็นบุตรชายของนายฌูแซ ดีนิช อาไวรู (เสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ. 2548 ขณะมีอายุ 52 ปี) กับนางมารีอา ดูโลรึช อาไวรู เป็นบุตรชายคนเล็กในพี่น้อง 4 คน ถึงแม้ตอนเกิดเขาจะคลอดก่อนกำหนดแต่ก็มีน้ำหนักสมบูรณ์ถึง 8 ปอนด์ ทวดฝ่ายมารดาของเขา อีซาเบล ดา ปีดาดึ มีพื้นเพมาจากประเทศกาบูเวร์ดี (เคปเวิร์ด)[8]
ที่มาของชื่อโรนัลโดนั้น บิดาของเขาเป็นผู้ตั้งให้ โดยได้แรงบันดาลใจจากชื่อของนายโรนัลด์ เรแกน อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบุคคลที่บิดาของโรนัลโดชื่นชอบตั้งแต่เรแกนยังเป็นนักแสดงอยู่[9]
ครอบครัวของโรนัลโดอาศัยอยู่ที่ย่านกิงตาดูฟัลเซา เขตซังตูอังตอนีอูของเมืองฟุงชาล ซึ่งเป็นเขตที่มีประชากรยากจนอาศัยอยู่มาก โรนัลโดเริ่มเล่นฟุตบอลที่นี่ ซึ่งในตอนเด็กเขาจะชอบเล่นฟุตบอลมาก บริเวณตามถนน พอตอนเขาอายุ 6 ขวบ เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังในทีมชุดใหญ่ของทีมอังดูริญญา (Andorinha) โดยการชักชวนของญาติเขาที่อยู่ในทีมนี้ พอถึงปี พ.ศ. 2538 โรนัลโดย้ายไปอยู่กับทีมนาซีอูนัล (Nacional) โดยมีการจ่ายค่าตัวเป็นชุดฟุตบอลและลูกบอล[10]
นักฟุตบอลเยาวชน
ในช่วงที่โรนัลโดอายุ 8 ขวบ โรนัลโดได้เล่นให้กับสโมสรฟุตบอลอังดูริญญา ซึ่งพ่อของเขาเป็นผู้จัดการทีมของสโมสรแห่งนี้ ในปี ค.ศ. 1995 โรนัลโดได้ทำสัญญากับสโมสรฟุตบอลท้องถิ่นคือ สโมสรฟุตบอลนาซีอูนัล และได้เล่นให้กับสโมสรนี้เป็นเวลา 5 ปี แล้วได้ย้ายไปอยู่กับสปอร์ติกกลูบีดีปูร์ตูกาล (สปอร์ติงลิสบอน) ในช่วงปี ค.ศ. 1997 และได้สำเร็จการเล่นฟุตบอลเยาวชนให้กับในประเทศของตน
นักฟุตบอลอาชีพ
สปอร์ติกกลูบีดีปูร์ตูกาล
ในปี ค.ศ. 2002 โรนัลโดในวัย 17 ปีได้ย้ายมาเล่นให้กับสปอร์ติกกลูบีดีปูร์ตูกาล (สปอร์ติงลิสบอน) เนื่องจากในช่วงนั้นสโมสรฟุตบอลชื่อดังในโปรตุเกสได้เห็นความสนใจของโรนัลโดมากแต่เขาเลือกที่จะมาอยู่กับ สปอร์ติงลิสบอน โดยโรนัลโดได้ลงเล่นเป็นตำแหน่งกองหน้า และได้มีโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงเยอะ โรนัลโดโชว์ฝีเท้าได้อย่างยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นการหลบหลีกคู่ต่อสู้ การแย่งชิงบอล การยิงจากระยะไกล และการทำประตูอย่างแม่นยำ ทำให้โรนัลโดในช่วงนั้นโด่งดังไปทั่วในทวีปยุโรป และโรนัลโดมีจุดเด่นที่มีทักษะในการครองบอลและมีความคล่องตัวสูง ด้วยจุดนี้เอง ทำให้เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมชื่อดังของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในพรีเมียร์ลีก ประเทศอังกฤษ ได้สนใจที่จะนำโรนัลโดมาร่วมทีม ซึ่งการเจรจาซื้อตัวโรนัลโดก็เป็นที่สำเร็จ โดยก่อนที่โรนัลโดจะออกจากประเทศโปรตุเกส โรนัลโดเล่นให้กับสปอร์ติกกลูบีดีปูร์ตูกาล ไปแล้วทั้งสิ้น 31 นัด ทำไป 5 ประตู
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
ฤดูกาล 2003–2006
โรนัลโดได้ย้ายมาอยู่กับสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดด้วยค่าตัว 12.5 ล้านปอนด์ ในฤดูกาล 2002–03 โรนัลโดใช้เวลาไม่นานนักในการปรับตัวให้เข้ากับพรีเมียร์ลีก และผลงาน 8 ประตู จากการลงสนาม 39 นัด ซึ่งรวมถึงประตูแรกในรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพกับมิลล์วอลล์ ก็ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (Sir Matt Busby Player of the Year) ประจำฤดูกาล 2003/04 โรนัลโดกับการพาทีมชาติโปรตุเกสผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในศึกยูโร 2004 ก่อนพ่ายให้กับ กรีซ 0 - 1
ในฤดูกาลที่ 2 ของโรนัลโดกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ฟอร์มไม่ดีเท่ากับปีแรก หลังจากที่จบฤดูกาลด้วยการลงสนาม 50 นัด แต่ทำได้แค่ 9 ประตู ในฤดูกาล 2005/06 โรนัลโดก็เรียกฟอร์มเก่งของตัวเองมาได้อีกครั้งในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง ด้วยการทำ 12 ประตู จากการลงสนาม 47 นัด
โรนัลโดคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของฟิฟโปร (FIFPro Special Young Player of the Year 2005) ซึ่งเป็นรางวัลเดียวที่ให้แฟน ๆ เป็นผู้ลงคะแนนโหวตตัดสิน และในปีเดียวกันเขาก็ได้อันดับที่ 20 ในตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าด้วย
ฤดูกาล 2006–2009
ในศึกฟุตบอลโลก 2006 โรนัลโดถูกแฟนบอลอังกฤษรุมโห่ไล่หลังจากที่มีส่วนทำให้เวย์น รูนีย์ เพื่อนร่วมทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ต้องถูกไล่ออกในเกมที่อังกฤษพบกับโปรตุเกส โรนัลโดถูกสื่อในอังกฤษกดดันและต่อว่า อย่างไรก็ดีโรนัลโดยังคงเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด[11]
เมษายน 2007 คริสเตียโน โรนัลโด คว้ารางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมและผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปี 2007 ของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษหรือพีเอฟเอไปครอง โดยเป็นผู้เล่นรายที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้ารางวัลเกียรติยศทั้งสองมาครอบครองในเวลาเดียวกัน หลังโชว์ฟอร์มสุดยอดมาตลอดฤดูกาลนี้โดยก่อนหน้านี้ แอนดี เกรย์ เคยทำได้เมื่อปี 1977 หรือ ราว 30 ปีก่อน[12]
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 2009 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดยอมรับว่า ได้รับข้อเสนอการซื้อตัวจากสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ ซึ่งก็ปรากฏว่าโรนัลโดก็มีความต้องการที่จะออกจากสโมสรเช่นกัน โดยเขาได้ตกลงย้ายออกไป การซื้อตัวครั้งนี้ถือเป็นสถิติค่าตัวแพงที่สุดในโลก[13]
โดยผลงานของโรนัลโดได้ลงเล่นเป็นตัวจริง 299 นัด ทำประตูได้ 118 ประตู
เรอัลมาดริด
ฤดูกาล 2009–10

โรนัลโดกำลังเลี้ยงลูกฟุตบอลหนีเดียโก ฟอร์ลัน ในนัดที่เจอกับ สโมสรฟุตบอลอัตเลตีโกมาดริด ในช่วงฤดูกาล 2009-10
ในวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 2009 สโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด ได้ซื้อตัวโรนัลโดมาด้วยค่าตัวถึง 80 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติการซื้อนักฟุตบอลที่แพงที่สุดในโลกจากสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในประเทศอังกฤษ เขาได้รับตำแหน่งสวมเสื้อหมายเลข 9 โดยในฤดูกาลนี้โรนัลโดทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมโดยได้ลงเล่นเป็นตังจริงทั้งหมด ถึง 35 นัด ทำประตูไปได้ 33 ประตู ซึ่งครองดาวซัลโวสูงสุดของลาลีกาในฤดูกาลนี้ โดยโรนัลโดได้ถูกเล่นในตำแหน่งกองหน้า และบางครั้งเขาอาจจะเล่นในตำแหน่งปีกขวา โรนัลโดทำประตูแรกตั้งแต่มาอยู่กับเรอัลมาดริดคือในนัดที่เจอกับสโมสรฟุตบอลอัตเลตีโกมาดริด โดยเรอัลมาดริดชนะไป 2-0 และในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 2009 โรนัลโดได้ยิงลูกฟรีคิกระยะใก้ลถึงสองครั้งในนัดที่เจอกับเอฟซี ซูริช โดยเรอัลมาดริดชนะไป 5-2 ในเกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่ม
ฤดูกาล 2010–11
พอเข้าสู่ฤดูกาลที่ 2 ของโรนัลโด เขาได้ถูกเปลี่ยนเบอร์ของเสื้อจากเบอร์ 9 เป็นเบอร์ 7 และได้เปลี่ยนผู้จัดการทีมมาเป็นโชเซ มูรีนโย ผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกสที่รู้จักในตัวของโรนัลโดเป็นอย่างดี ในวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 2010 ในนัดที่เรอัลมาดริดเจอกับราซิงเดซานตันเดร์ โดยโรนัลโดทำประตูไปได้ถึง 4 ประตู ทำให้เรอัลมาดริดชนะไป 4-0 แล้วในนัดที่เจอกับ สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา โดยเรอัลมาดริดไปเยือนที่กัมนอว์ แพ้ไป 5-0 ซึ่งโรนัลโดก็ได้มีจังหวะยิงหลายครั้ง แล้วหลังจากในนัดนั้น เรอัลมาดริดได้เปิดบ้านพบกับแอทเลติกบิลบาโอ โดยในนัดนั้นโรนัลโดเกือบทำแฮตทริกได้โดยเขายิงไป 5 ประตู ในช่วงเวลาต่างกันไม่เกิน 6 นาที ทำให้ชนะไป 6-1 และในช่วงปลายปี ค.ศ. 2010 เขาได้ทำเกือบทำซูเปอร์แฮตทริกเป็นครั้งแรกในตัวของเขาโดยในถ้วยโกปาเดลเรย์กับเลบันเตอูเด โดยโรนัลโดทำไป 5 ประตู และแฮตทริกของการีม แบนเซมา ทำให้เรอัลมาดริดชนะไป 8-0
ฤดูกาล 2011–12
ความสำเร็จและการพัฒนาของโรนัลโดในช่วงอยู่กับเรอัลมาดริดเริ่มดีขึ้น โดยโรนัลโดซัดประตูในฤดูกาลนี้ไป 60 ประตู (รวมทุกรายการ) และได้เล่นยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกไปจนถึงรอบรองชนะเลิศ แต่ก็แพ้ สโมสรฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิก ไป 3-1 (ดวลจุดโทษ) แต่โรนัลโดก็สามารถนำทีมได้แชมป์ลาลีกา ได้เป็นครั้งที่ 32 ของสโมสร โดยในช่วงปลายฤดูกาล เรอัลมาดริดกับบาร์เซโลนาได้แข่งขันกันที่กัมนอว์ ในนัดที่ 2 ซึ่งโรนัลโดก็เป็นฮีโรโดยเขาได้ยิงประตูชัยสุดสำคัญในการนำทีมเรอัลมาดริดคว้าแชมป์ลาลีกาด้วยการชนะสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาไป 2-1 ที่กัมนอว์ และจบอันดับ 1 ของ ตาราง มี 100 คะแนน ซึ่งเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลของโลกที่ทำคะแนนได้สูงสุด
ทีมชาติ
โรนัลโดได้ลงเล่นให้กับฟุตบอลทีมชาติโปรตุเกส นัดแรกที่โปรตุเกสชนะคาซัคสถาน ไป 1-0 ในวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 2003[14]
ยูโร 2004
โรนัลโดได้ถูกเรียกตัวไปไปเล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2004[15] ประตูแรกในนามทีมชาติชุดใหญ่ของเขาคือตอนที่โปรตุเกสชนะกรีซไป 2-1 ในรอบแบ่งกลุ่ม [16] และจากนั้นก็ยิงประตูต่อในนัดรอบก่อนรองชนะเลิศที่โปรตุเกสเจอกับเนเธอร์แลนด์ ซึ่งโปรตุเกสชนะไป 2-1[17] เขาได้เป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญของทีมนักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำแห่งฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปของการแข่งขันแม้จะยิงได้เพียงแค่ 2 ประตู.[18]นอกจากนี้เขายังเป็นตัวแทนของทีมชาติโปรตุเกสในโอลิมปิกฤดูร้อน 2004[19][20]
ฟุตบอลโลก 2006
โรนัลโดได้เป็นรองดาวซัลโวในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ในโซนยุโรปด้วยการยิงไป 7 ประตู[18] และประตูแรกของเขาในฟุตบอลโลกคือนัดที่พบกับอิหร่าน ด้วยการยิงลูกโทษ[21] เมื่อมาถึงรอบคัดเลือกรอบสุดท้าย ได้พบกับอังกฤษในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2006 โรนัลโดได้พบเพื่อนร่วมทีมจากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ซึ่งก็คือ เวย์น รูนีย์ และรูนีย์ได้ไปทำฟาวล์ใส่กองหลังทีมชาติโปรตุเกสซึ่งคือ รีการ์ดู การ์วัลยู สื่ออังกฤษสันนิษฐานว่าโรนัลโดมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้ตัดสินโอราซีโอ เอลีซอนโด โดยอุกอาจบ่นหลังจากที่เขาได้เห็นตรงม้านั่งสำรองของทีมชาติโปรตุเกสหลังจากการไล่รูนีย์ออก หลังการแข่งขันโรนัลโดยืนยันว่ารูนีย์เป็นเพื่อนของเขาและว่าเขาไม่ได้เป็นคนที่เกี่ยวกับการไล่รูนีย์ออกจากสนาม[22] วันที่ 4 กรกฎาคม อริซอนโดได้บอกกับทางสื่อว่าการที่เขาแจกใบแดงให้รูนีย์เพราะเป็นการทำผิดของกฎฟุตบอลเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับโรนัลโดเลย[23]
หนังสือพิมพ์ของประเทศอังกฤษ ได้ประกาศข่าวร้ายของโรนัลโดเนื่องจากในข่าวบอกว่าเขาจะออกจากสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจากเหตุใบแดงของรูนีย์[24] และเขาได้ถูกกล่าวลงในหนังสือกีฬาประจำวันของประเทศสเปนว่าเขาจะย้ายไปอยู่กับเรอัลมาดริด[25]และเมื่อเฟอร์กูสันผู้จัดการทีมได้ทราบเขาเลยส่งผู้ช่วยการ์ลุช ไกรอช เพื่อมาพูดคุยกับโรนัลโดเพื่อเปลี่ยนความคิดของเขาในการย้ายจากสโมสรเพราะเหตุการณ์ของรูนีย์[26][27] โรนัลโดตัดสินใจอยู่กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และทำสัญญาใหม่ของเขาเป็นเวลา 5 ปี ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2007[28]
โรนัลโดถูกโห่ในระหว่างการแข่งขันโปรตุเกสกับฝรั่งเศสในรอบก่อนรองชนะเลิศซึ่งโปรตุเกสได้แพ้ไป[29] และพลาดรางวัลผู้เล่นของการแข่งขันที่ดีที่สุด.[30] แม้ว่าการโหวตออนไลน์รับผลกระทบเพียงกระบวนการสรรหา กลุ่มศึกษาทางเทคนิคของฟีฟ่าได้รับรางวัลเกียรติยศของเยอรมนีไปให้ลูคัส โพดอลสกี โดยอ้างว่าพฤติกรรมของโรนัลโดเป็นปัจจัยในการตัดสินใจ[31]
ประตูในนามทีมชาติ
งานอื่น
ด้วยความสามารถและความโด่งดัง จึงมีเอเย่นต์สนใจเขามาเป็นพรีเซนเตอร์อยู่หลายชิ้น ภาพลักษณ์ของโรนัลโดสร้างความสำเร็จให้กับการตลาดมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอเกมต่าง ๆ ไปจนโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ความหล่อเหลาของเขาก็ยังทำให้เขาได้รับการติดต่อจากนิตยสารแฟชั่นอีกด้วย นิตยสารโวกของอเมริกา นำเสนอเขาไปเป็นแบบปก และเขายังเป็นพรีเซนเตอร์ให้ผลิตภัณฑ์รองเท้ากีฬาอย่าง ไนกี้ โดยทางไนกี้เล็งเห็นว่าโรนัลโดมีฝีเท้าที่เป็นนักเตะที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก จึงได้คุยกับโรนัลโดเพื่อผลิตรองเท้าที่เบา พัฒนารองเท้า รองเท้ารุ่น Mercurial Vapor ออกมา[32][10]
นอกเหนือจากฟุตบอล
ชีวิตส่วนตัว
พ่อของโรนัลโดเป็นผู้อำนวยการสโมสรฟุตบอลเล็ก ๆ ที่ชื่ออังดูริญญา และพ่อเขาขอให้กัปตันทีมที่ชื่อฟือร์เนา โซซา (Fernão de Sousa) เป็นพ่อทูนหัว ส่วนแม่ของเขามีอาชีพเป็นแม่ครัว โรนัลโดช่วยเหลือครอบครัวเป็นอย่างดี ช่วยพี่สาวคนโตเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่เกาะมาเดรา ส่วนพี่สาวอีกคน กาเตีย เป็นนักร้อง มีวงดนตรีชื่อ "Ronalda"[10]
โรนัลโดประกาศว่าเขาได้กลายเป็นพ่อคนแล้ว เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ค.ศ. 2010 โดยประกาศในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของเขา โดยพูดว่า เขาได้ลูกชายและต้องการความเป็นส่วนตัว โดยลูกชายของเขาชื่อว่าคริสเตียโน โรนัลโดย จูเนียร์ ที่กำเนิดมาจากหญิงนิรนาม[33] โดยเขาได้รับสิทธิในการดูแลเด็กอย่างสมบูรณ์[34] ภายใต้การดูแลจากแม่ของโรนัลโดและพี่สาว[35]
นอกจากนี้แล้ว โรนัลโดยังได้รับคำชื่นชมจากอาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ นักแสดงระดับซุปเปอร์สตาร์ของฮอลลีวุด ซึ่งเป็นอดีตสุดยอดนักเพาะกายโลก 7 สมัย ว่า เป็นนักฟุตบอลที่มีรูปร่างสมบูรณ์แบบที่สุดอีกด้วย[36]
องค์การการกุศล

ทรัพย์สิน

การสนับสนุน

แฟชัน

สื่อ

สถิติอาชีพ
สโมสร
- ณ วันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 2015
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | ฟุตบอลถ้วย[a] | ลีกคัพ | ยุโรป | อื่นๆ[b] | รวม | |||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ดิวิชัน | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ลงเล่น | ประตู | ||
สปอร์ติงลิสบอน | 2002–03[37] | ปรีไมราลีกา | 25 | 3 | 3 | 2 | — | 3[c] | 0 | 0 | 0 | 31 | 5 | |
รวม | 25 | 3 | 3 | 2 | — | 3 | 0 | 0 | 0 | 31 | 5 | |||
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด[38] | 2003–04 | พรีเมียร์ลีก | 29 | 4 | 5 | 2 | 1 | 0 | 5[d] | 0 | 0 | 0 | 40 | 6 |
2004–05 | 33 | 5 | 7 | 4 | 2 | 0 | 8[d] | 0 | 0 | 0 | 50 | 9 | ||
2005–06 | 33 | 9 | 2 | 0 | 4 | 2 | 8[d] | 1 | — | 47 | 12 | |||
2006–07 | 34 | 17 | 7 | 3 | 1 | 0 | 11[d] | 3 | — | 53 | 23 | |||
2007–08 | 34 | 31 | 3 | 3 | 0 | 0 | 11[d] | 8 | 1[e] | 0 | 49 | 42 | ||
2008–09 | 33 | 18 | 2 | 1 | 4 | 2 | 12[d] | 4 | 2[f] | 1 | 53 | 26 | ||
รวม | 196 | 84 | 26 | 13 | 12 | 4 | 55 | 16 | 3 | 1 | 292 | 118 | ||
เรอัลมาดริด | 2009–10[39] | ลาลีกา | 29 | 26 | 0 | 0 | — | 6[d] | 7 | — | 35 | 33 | ||
2010–11[40] | 34 | 40 | 8 | 7 | — | 12[d] | 6 | — | 54 | 53 | ||||
2011–12[41] | 38 | 46 | 5 | 3 | — | 10[d] | 10 | 2 | 1 | 55 | 60 | |||
2012–13[42] | 34 | 34 | 7 | 7 | — | 12[d] | 12 | 2 | 2 | 55 | 55 | |||
2013–14[43] | 30 | 31 | 6 | 3 | — | 11[d] | 17 | — | 47 | 51 | ||||
2014–15[44] | 35 | 48 | 2 | 1 | — | 12[d] | 10 | 5 | 2 | 54 | 61 | |||
2015–16 | 10 | 8 | 0 | 0 | — | 4 | 5 | — | 14 | 13 | ||||
รวม | 210 | 233 | 28 | 21 | — | 67 | 67 | 9 | 5 | 314 | 326 | |||
รวมทั้งหมด | 431 | 320 | 57 | 36 | 12 | 4 | 125 | 83 | 12 | 6 | 637 | 449 |
- กระโดดขึ้น↑ ประกอบด้วย Taça de Portugal, เอฟเอคัพ และ โกปาเดลเรย์
- กระโดดขึ้น↑ ประกอบด้วย เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์, ยูฟ่าซูเปอร์คัพ, ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก และ ซูเปร์โกปาเดเอสปาญา
- กระโดดขึ้น↑ ลงเล่นหนึ่งครั้งใน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก, ลงเล่นสองครั้งใน ยูฟ่าคัพ
- ↑ กระโดดขึ้นไป:4.00 4.01 4.02 4.03 4.04 4.05 4.06 4.07 4.08 4.09 4.10 4.11 รวมการลงเล่นทั้งหมดใน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
- กระโดดขึ้น↑ ลงเล่นใน เอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์
- กระโดดขึ้น↑ รวมการลงเล่นทั้งหมดใน ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก
ทีมชาติ

โรนัลโดน (ซ้าย) ขณะเล่นให้กับทีมชาติโดยพบกับ อาร์เจนตินา ใน เจนีวา, สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2011
ทีมชาติ | ปี | ลงเล่น | ประตู |
---|---|---|---|
โปรตุเกส | 2003 | 2 | 0 |
2004 | 16 | 7 | |
2005 | 11 | 2 | |
2006 | 14 | 6 | |
2007 | 10 | 5 | |
2008 | 8 | 1 | |
2009 | 7 | 1 | |
2010 | 11 | 3 | |
2011 | 8 | 7 | |
2012 | 13 | 5 | |
2013 | 9 | 10 | |
2014 | 9 | 5 | |
2015 | 5 | 3 | |
รวม | 123 | 55 |
เกียรติประวัติ
เกียรติประวัติกับสโมสร
- พรีเมียร์ลีก (3): 2006–07, 2007–08, 2008–09
- เอฟเอคัพ (1): 2003–04
- ลีกคัพ (2): 2005–06, 2008–09
- เอฟเอคอมมูนิตีชีลด์ (1): 2007
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก (1): 2007–08
- ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก (1): 2008
- ลาลีกา (1): 2011–12
- โกปาเดลเรย์ (1): 2010–11, 2013-2014
- ซูเปร์โกปาเดเอสปาญา (1): 2012
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก(1): 2013-14
- ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก (1): 2014
เกียรติประวัติทีมชาติ
- ทีมชาติโปรตุเกส
- ฟุตบอลโลก: อันดับที่ 4 (1): 2006
- ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป: รองชนะเลิศ (1): 2004
เกียรติประวัติส่วนตัว
- ทีมชาติยอดเยี่ยมในศึกยูโร (2): 2004, 2012
- บราโวอะวอร์ด (1): 2004
- นักฟุตบอลดาวรุ่งในฟีฟ่าโปรประจำปี (2): 2004, 2005
- นักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ (1): 2006–07
- นักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำปีของเซอร์แมตต์ บัสบี (3): 2003–04, 2006–07, 2007–08
- นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ (2): 2006–07, 2007–08
- นักเตะยอดเยี่ยมจากแฟนบอลของพีเอฟเอ (2): 2006–07, 2007–08
- นักเตะยอดเยี่ยมจากนักข่าวของพีเอฟเอ (2): 2006–07, 2007–08
- นักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลพรีเมียร์ลีก (2): 2006–07, 2007–08
- นักเตะยอดเยี่ยมประจำปีพรีเมียร์ลีก (4): November 2006, December 2006, January 2008, March 2008
- พรีเมียร์ลีกโกลเดนบูต (1): 2007–08
- บาร์คลีส์เมริตอะวอร์ด (1): 2007–08
- ดาวซัลโวของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก (1): 2007–08
- กองหน้ายอดเยี่ยมของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก (1): 2007–08
- นักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำสโมสรในยูฟ่า (1): 2007–08
- ฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลก ลูกบอลสีเงิน (1): 2008
- แมนออฟเดอะแมตช์ประจำปี 2008 (1): Czech Republic vs Portugal
- นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรป (1): 2008
- นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปี (1): 2008
- นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปี (ฟีฟ่าโปร) (1): 2008
- Onze d'Or (1): 2008
- World Soccer Player of the Year (1): 2008
- PFA Premier League Team of the Year (4): 2005–06, 2006–07, 2007–08, 2008–09
- FIFA Puskás Award (1): 2009
- European Golden Shoe (2): 2007–08, 2010–11
- CNID Best Portuguese Athlete Abroad (4): 2007, 2008, 2009, 2011
- ทีมแห่งปีของยูฟ่า (6): 2003–04, 2006–07, 2007–08, 2008–09, 2009–10, 2010–11
- ฟีฟ่า ฟิฟโปร เวิลด์ (5): 2007, 2008, 2009, 2010, 2011
- แมนออฟเดอแมตช์ฟุตบอลโลกปี 2010 (3): Côte d'Ivoire vs Portugal, Portugal vs Korea DPR, Portugal vs Brazil
- ดาวซัลโวประจำลาลีกา (1): 2010–11
- ดาวซัลโวโกปาเดลเรย์ (1): 2010–11
- Trofeo Alfredo Di Stéfano (1): 2011–12
- European Sports Magazines (4): 2006–07, 2007–08, 2010–11, 2011–12
- แมนออฟเดอะแมตช์ปี 2012 (2): Portugal vs Netherlands, Czech Republic vs Portugal
- ดาวซัลโวประจำปี 2012 (1): 2012

Navigation