Popular Post

โพสต์ยอดนิยม

Recent post

 

กริชเตียนู รูนัลดู ดุช ซังตุช อาไวรู (โปรตุเกสCristiano Ronaldo dos Santos Aveiro; เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1985) หรือที่รู้จักกันในชื่อ คริสเตียโน โรนัลโด เป็นนักฟุตบอล ชาวโปรตุเกส ปัจจุบันสังกัดอยู่กับสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดในลาลีกา เล่นในตำแหน่งกองหน้าและเป็นกัปตันทีม ของ ฟุตบอลทีมชาติโปรตุเกสคนปัจจุบัน โรนัลโดเป็นผู้เล่นที่มีค่าตัวแพงที่สุดเป็นอันดับสองในประวัติศาสตร์ฟุตบอลรองจากแกเร็ธ เบล หลังย้ายจากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด มาอยู่กับเรอัลมาดริด ด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ โรนัลโดได้รับค่าจ้างในการลงเล่นให้กับเรอัลมาดริดจำนวน 12 ล้านปอนด์ต่อปี ทำให้เขาเป็นนักเตะที่มีค่าเหนื่อยมากที่สุดในโลก[3]
โรนัลโดได้ลงเล่นฟุตบอลในนามทีมเยาวชนของอังดูริญญา เมื่อเขาเล่นได้อยู่สองปี ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับนาซีอูนัลในปี 1997 เขาได้ทำสัญญาให้กับสโมสรยักษ์ใหญ่อย่างสปอร์ติงลิสบอน โรนัลโดได้ถูกพิจารณาย้ายตัวไปอยู่กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดโดยคนที่ซื้อเขาคือ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซื้อตัวเขามาด้วยจำนวนเงิน 12.24 ล้านปอนด์ โรนัลโดได้แชมป์เอฟเอคัพ ซึ่งเป็นเกียรติประวัติแชมป์แรกของเขาในปี 2003
โรนัลโดลงเล่นในเกมของฟุตบอลทีมชาติโปรตุเกส ในระดับชาตินัดแรกคือตอนเจอกับคาซัคสถาน ในเดือนสิงหาคม 2003 และหลังจากนั้นเขาได้ลงเล่นมากขึ้นรวมทั้งหมดถึงห้าทัวร์นาเมนต์ ได้แก่ ยูโร 2004ฟุตบอลโลก 2006ยูโร 2008ฟุตบอลโลก 2010 และยูโร 2012 เขาทำประตูแรกในนามทีมชาติโปรตุเกสได้ในการแข่งขันยูโร 2004 ในนัดเปิดการแข่งขันที่เจอกับกรีซ เขาเป็นคนสำคัญในการนำทีมชาติโปรตุเกสเข้าไปชิงชนะเลิศในปี 2004 และหลังจากนั้นโรนัลโดได้มีบทบาทและได้ลงตำแหน่งตัวจริงมากขึ้น ในปี 2008 โรนัลโดได้เป็นกัปตันทีมครั้งแรกของทีมชาติโปรตุเกสได้นำทีมเข้าแข่งขันยูโร 2008 สามารถเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศได้ เขาสามารถยิงได้สามประตูในการแข่งขันทัวร์นาเมนต์นี้ ในวันที่ 16 ตุลาคม 2012 โรนัลโดได้ลงเล่นครบ 100 นัดสำหรับทีมชาติโปรตุเกสในนัดที่เจอกับไอร์แลนด์เหนือ ทำให้เขาเป็นหนึ่งในสามนักเตะที่ลงเล่นให้กับทีมชาติโปรตุเกสเกิน 100 นัด[4] ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2012 เฟซบุ๊กอย่างเป็นทางการของเขาได้มีคนติดตามถึง 50 ล้านคน[5]
ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 มีการจัดอันดับตำแหน่งนักเตะรูปงามแห่งยูโร 2008 จัดทำโดยแอลจี บริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า คริสเตียโน โรนัลโดได้รับคะแนนโหวตครั้งนี้เป็นอันดับ 1[6] ในปี 2012 โรนัลโดได้รับรางวัลนักกีฬาไอบีเรีย-อเมริกา ประจำปี 2012 ประเภทนักฟุตบอลชาย[7]

ประวัติ

คริสเตียโน โรนัลโด เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2528 ที่เกาะมาเดรา ประเทศโปรตุเกส เป็นบุตรชายของนายฌูแซ ดีนิช อาไวรู (เสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ. 2548 ขณะมีอายุ 52 ปี) กับนางมารีอา ดูโลรึช อาไวรู เป็นบุตรชายคนเล็กในพี่น้อง 4 คน ถึงแม้ตอนเกิดเขาจะคลอดก่อนกำหนดแต่ก็มีน้ำหนักสมบูรณ์ถึง 8 ปอนด์ ทวดฝ่ายมารดาของเขา อีซาเบล ดา ปีดาดึ มีพื้นเพมาจากประเทศกาบูเวร์ดี (เคปเวิร์ด)[8]
ที่มาของชื่อโรนัลโดนั้น บิดาของเขาเป็นผู้ตั้งให้ โดยได้แรงบันดาลใจจากชื่อของนายโรนัลด์ เรแกน อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบุคคลที่บิดาของโรนัลโดชื่นชอบตั้งแต่เรแกนยังเป็นนักแสดงอยู่[9]
ครอบครัวของโรนัลโดอาศัยอยู่ที่ย่านกิงตาดูฟัลเซา เขตซังตูอังตอนีอูของเมืองฟุงชาล ซึ่งเป็นเขตที่มีประชากรยากจนอาศัยอยู่มาก โรนัลโดเริ่มเล่นฟุตบอลที่นี่ ซึ่งในตอนเด็กเขาจะชอบเล่นฟุตบอลมาก บริเวณตามถนน พอตอนเขาอายุ 6 ขวบ เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังในทีมชุดใหญ่ของทีมอังดูริญญา (Andorinha) โดยการชักชวนของญาติเขาที่อยู่ในทีมนี้ พอถึงปี พ.ศ. 2538 โรนัลโดย้ายไปอยู่กับทีมนาซีอูนัล (Nacional) โดยมีการจ่ายค่าตัวเป็นชุดฟุตบอลและลูกบอล[10]

นักฟุตบอลเยาวชน

ในช่วงที่โรนัลโดอายุ 8 ขวบ โรนัลโดได้เล่นให้กับสโมสรฟุตบอลอังดูริญญา ซึ่งพ่อของเขาเป็นผู้จัดการทีมของสโมสรแห่งนี้ ในปี ค.ศ. 1995 โรนัลโดได้ทำสัญญากับสโมสรฟุตบอลท้องถิ่นคือ สโมสรฟุตบอลนาซีอูนัล และได้เล่นให้กับสโมสรนี้เป็นเวลา 5 ปี แล้วได้ย้ายไปอยู่กับสปอร์ติกกลูบีดีปูร์ตูกาล (สปอร์ติงลิสบอน) ในช่วงปี ค.ศ. 1997 และได้สำเร็จการเล่นฟุตบอลเยาวชนให้กับในประเทศของตน

นักฟุตบอลอาชีพ

สปอร์ติกกลูบีดีปูร์ตูกาล

ในปี ค.ศ. 2002 โรนัลโดในวัย 17 ปีได้ย้ายมาเล่นให้กับสปอร์ติกกลูบีดีปูร์ตูกาล (สปอร์ติงลิสบอน) เนื่องจากในช่วงนั้นสโมสรฟุตบอลชื่อดังในโปรตุเกสได้เห็นความสนใจของโรนัลโดมากแต่เขาเลือกที่จะมาอยู่กับ สปอร์ติงลิสบอน โดยโรนัลโดได้ลงเล่นเป็นตำแหน่งกองหน้า และได้มีโอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงเยอะ โรนัลโดโชว์ฝีเท้าได้อย่างยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นการหลบหลีกคู่ต่อสู้ การแย่งชิงบอล การยิงจากระยะไกล และการทำประตูอย่างแม่นยำ ทำให้โรนัลโดในช่วงนั้นโด่งดังไปทั่วในทวีปยุโรป และโรนัลโดมีจุดเด่นที่มีทักษะในการครองบอลและมีความคล่องตัวสูง ด้วยจุดนี้เอง ทำให้เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมชื่อดังของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในพรีเมียร์ลีก ประเทศอังกฤษ ได้สนใจที่จะนำโรนัลโดมาร่วมทีม ซึ่งการเจรจาซื้อตัวโรนัลโดก็เป็นที่สำเร็จ โดยก่อนที่โรนัลโดจะออกจากประเทศโปรตุเกส โรนัลโดเล่นให้กับสปอร์ติกกลูบีดีปูร์ตูกาล ไปแล้วทั้งสิ้น 31 นัด ทำไป 5 ประตู

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

ฤดูกาล 2003–2006


โรนัลโดในนัดที่เจอกับเชลซีในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 2006
โรนัลโดได้ย้ายมาอยู่กับสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดด้วยค่าตัว 12.5 ล้านปอนด์ ในฤดูกาล 2002–03 โรนัลโดใช้เวลาไม่นานนักในการปรับตัวให้เข้ากับพรีเมียร์ลีก และผลงาน 8 ประตู จากการลงสนาม 39 นัด ซึ่งรวมถึงประตูแรกในรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพกับมิลล์วอลล์ ก็ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด (Sir Matt Busby Player of the Year) ประจำฤดูกาล 2003/04 โรนัลโดกับการพาทีมชาติโปรตุเกสผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในศึกยูโร 2004 ก่อนพ่ายให้กับ กรีซ 0 - 1
ในฤดูกาลที่ 2 ของโรนัลโดกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ฟอร์มไม่ดีเท่ากับปีแรก หลังจากที่จบฤดูกาลด้วยการลงสนาม 50 นัด แต่ทำได้แค่ 9 ประตู ในฤดูกาล 2005/06 โรนัลโดก็เรียกฟอร์มเก่งของตัวเองมาได้อีกครั้งในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง ด้วยการทำ 12 ประตู จากการลงสนาม 47 นัด
โรนัลโดคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของฟิฟโปร (FIFPro Special Young Player of the Year 2005) ซึ่งเป็นรางวัลเดียวที่ให้แฟน ๆ เป็นผู้ลงคะแนนโหวตตัดสิน และในปีเดียวกันเขาก็ได้อันดับที่ 20 ในตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าด้วย

ฤดูกาล 2006–2009


โรนัลโดเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในช่วงฤดูกาล 2006-07
ในศึกฟุตบอลโลก 2006 โรนัลโดถูกแฟนบอลอังกฤษรุมโห่ไล่หลังจากที่มีส่วนทำให้เวย์น รูนีย์ เพื่อนร่วมทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ต้องถูกไล่ออกในเกมที่อังกฤษพบกับโปรตุเกส โรนัลโดถูกสื่อในอังกฤษกดดันและต่อว่า อย่างไรก็ดีโรนัลโดยังคงเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด[11]
เมษายน 2007 คริสเตียโน โรนัลโด คว้ารางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมและผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปี 2007 ของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษหรือพีเอฟเอไปครอง โดยเป็นผู้เล่นรายที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้ารางวัลเกียรติยศทั้งสองมาครอบครองในเวลาเดียวกัน หลังโชว์ฟอร์มสุดยอดมาตลอดฤดูกาลนี้โดยก่อนหน้านี้ แอนดี เกรย์ เคยทำได้เมื่อปี 1977 หรือ ราว 30 ปีก่อน[12]
เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 2009 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดยอมรับว่า ได้รับข้อเสนอการซื้อตัวจากสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริดด้วยค่าตัว 80 ล้านปอนด์ ซึ่งก็ปรากฏว่าโรนัลโดก็มีความต้องการที่จะออกจากสโมสรเช่นกัน โดยเขาได้ตกลงย้ายออกไป การซื้อตัวครั้งนี้ถือเป็นสถิติค่าตัวแพงที่สุดในโลก[13]
โดยผลงานของโรนัลโดได้ลงเล่นเป็นตัวจริง 299 นัด ทำประตูได้ 118 ประตู

เรอัลมาดริด

ฤดูกาล 2009–10


โรนัลโดกำลังเลี้ยงลูกฟุตบอลหนีเดียโก ฟอร์ลัน ในนัดที่เจอกับ สโมสรฟุตบอลอัตเลตีโกมาดริด ในช่วงฤดูกาล 2009-10
ในวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 2009 สโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด ได้ซื้อตัวโรนัลโดมาด้วยค่าตัวถึง 80 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติการซื้อนักฟุตบอลที่แพงที่สุดในโลกจากสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในประเทศอังกฤษ เขาได้รับตำแหน่งสวมเสื้อหมายเลข 9 โดยในฤดูกาลนี้โรนัลโดทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมโดยได้ลงเล่นเป็นตังจริงทั้งหมด ถึง 35 นัด ทำประตูไปได้ 33 ประตู ซึ่งครองดาวซัลโวสูงสุดของลาลีกาในฤดูกาลนี้ โดยโรนัลโดได้ถูกเล่นในตำแหน่งกองหน้า และบางครั้งเขาอาจจะเล่นในตำแหน่งปีกขวา โรนัลโดทำประตูแรกตั้งแต่มาอยู่กับเรอัลมาดริดคือในนัดที่เจอกับสโมสรฟุตบอลอัตเลตีโกมาดริด โดยเรอัลมาดริดชนะไป 2-0 และในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 2009 โรนัลโดได้ยิงลูกฟรีคิกระยะใก้ลถึงสองครั้งในนัดที่เจอกับเอฟซี ซูริช โดยเรอัลมาดริดชนะไป 5-2 ในเกมยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่ม

ฤดูกาล 2010–11


โรนัลโดกับแกเร็ธ เบล ในนัดยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2010-11
พอเข้าสู่ฤดูกาลที่ 2 ของโรนัลโด เขาได้ถูกเปลี่ยนเบอร์ของเสื้อจากเบอร์ 9 เป็นเบอร์ 7 และได้เปลี่ยนผู้จัดการทีมมาเป็นโชเซ มูรีนโย ผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกสที่รู้จักในตัวของโรนัลโดเป็นอย่างดี ในวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 2010 ในนัดที่เรอัลมาดริดเจอกับราซิงเดซานตันเดร์ โดยโรนัลโดทำประตูไปได้ถึง 4 ประตู ทำให้เรอัลมาดริดชนะไป 4-0 แล้วในนัดที่เจอกับ สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา โดยเรอัลมาดริดไปเยือนที่กัมนอว์ แพ้ไป 5-0 ซึ่งโรนัลโดก็ได้มีจังหวะยิงหลายครั้ง แล้วหลังจากในนัดนั้น เรอัลมาดริดได้เปิดบ้านพบกับแอทเลติกบิลบาโอ โดยในนัดนั้นโรนัลโดเกือบทำแฮตทริกได้โดยเขายิงไป 5 ประตู ในช่วงเวลาต่างกันไม่เกิน 6 นาที ทำให้ชนะไป 6-1 และในช่วงปลายปี ค.ศ. 2010 เขาได้ทำเกือบทำซูเปอร์แฮตทริกเป็นครั้งแรกในตัวของเขาโดยในถ้วยโกปาเดลเรย์กับเลบันเตอูเด โดยโรนัลโดทำไป 5 ประตู และแฮตทริกของการีม แบนเซมา ทำให้เรอัลมาดริดชนะไป 8-0

ฤดูกาล 2011–12

ความสำเร็จและการพัฒนาของโรนัลโดในช่วงอยู่กับเรอัลมาดริดเริ่มดีขึ้น โดยโรนัลโดซัดประตูในฤดูกาลนี้ไป 60 ประตู (รวมทุกรายการ) และได้เล่นยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกไปจนถึงรอบรองชนะเลิศ แต่ก็แพ้ สโมสรฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิก ไป 3-1 (ดวลจุดโทษ) แต่โรนัลโดก็สามารถนำทีมได้แชมป์ลาลีกา ได้เป็นครั้งที่ 32 ของสโมสร โดยในช่วงปลายฤดูกาล เรอัลมาดริดกับบาร์เซโลนาได้แข่งขันกันที่กัมนอว์ ในนัดที่ 2 ซึ่งโรนัลโดก็เป็นฮีโรโดยเขาได้ยิงประตูชัยสุดสำคัญในการนำทีมเรอัลมาดริดคว้าแชมป์ลาลีกาด้วยการชนะสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนาไป 2-1 ที่กัมนอว์ และจบอันดับ 1 ของ ตาราง มี 100 คะแนน ซึ่งเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลของโลกที่ทำคะแนนได้สูงสุด

ทีมชาติ


โรนัลโดลงเล่นในนัดที่เจอกับบราซิล
โรนัลโดได้ลงเล่นให้กับฟุตบอลทีมชาติโปรตุเกส นัดแรกที่โปรตุเกสชนะคาซัคสถาน ไป 1-0 ในวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 2003[14]

ยูโร 2004

โรนัลโดได้ถูกเรียกตัวไปไปเล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2004[15] ประตูแรกในนามทีมชาติชุดใหญ่ของเขาคือตอนที่โปรตุเกสชนะกรีซไป 2-1 ในรอบแบ่งกลุ่ม [16] และจากนั้นก็ยิงประตูต่อในนัดรอบก่อนรองชนะเลิศที่โปรตุเกสเจอกับเนเธอร์แลนด์ ซึ่งโปรตุเกสชนะไป 2-1[17] เขาได้เป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญของทีมนักฟุตบอลยอดเยี่ยมประจำแห่งฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปของการแข่งขันแม้จะยิงได้เพียงแค่ 2 ประตู.[18]นอกจากนี้เขายังเป็นตัวแทนของทีมชาติโปรตุเกสในโอลิมปิกฤดูร้อน 2004[19][20]

ฟุตบอลโลก 2006


โรนัลโดกำลังลงเล่นให้กับทีมชาติโปรตุเกส
โรนัลโดได้เป็นรองดาวซัลโวในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ในโซนยุโรปด้วยการยิงไป 7 ประตู[18] และประตูแรกของเขาในฟุตบอลโลกคือนัดที่พบกับอิหร่าน ด้วยการยิงลูกโทษ[21] เมื่อมาถึงรอบคัดเลือกรอบสุดท้าย ได้พบกับอังกฤษในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 2006 โรนัลโดได้พบเพื่อนร่วมทีมจากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ซึ่งก็คือ เวย์น รูนีย์ และรูนีย์ได้ไปทำฟาวล์ใส่กองหลังทีมชาติโปรตุเกสซึ่งคือ รีการ์ดู การ์วัลยู สื่ออังกฤษสันนิษฐานว่าโรนัลโดมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของผู้ตัดสินโอราซีโอ เอลีซอนโด โดยอุกอาจบ่นหลังจากที่เขาได้เห็นตรงม้านั่งสำรองของทีมชาติโปรตุเกสหลังจากการไล่รูนีย์ออก หลังการแข่งขันโรนัลโดยืนยันว่ารูนีย์เป็นเพื่อนของเขาและว่าเขาไม่ได้เป็นคนที่เกี่ยวกับการไล่รูนีย์ออกจากสนาม[22] วันที่ 4 กรกฎาคม อริซอนโดได้บอกกับทางสื่อว่าการที่เขาแจกใบแดงให้รูนีย์เพราะเป็นการทำผิดของกฎฟุตบอลเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับโรนัลโดเลย[23]
หนังสือพิมพ์ของประเทศอังกฤษ ได้ประกาศข่าวร้ายของโรนัลโดเนื่องจากในข่าวบอกว่าเขาจะออกจากสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดจากเหตุใบแดงของรูนีย์[24] และเขาได้ถูกกล่าวลงในหนังสือกีฬาประจำวันของประเทศสเปนว่าเขาจะย้ายไปอยู่กับเรอัลมาดริด[25]และเมื่อเฟอร์กูสันผู้จัดการทีมได้ทราบเขาเลยส่งผู้ช่วยการ์ลุช ไกรอช เพื่อมาพูดคุยกับโรนัลโดเพื่อเปลี่ยนความคิดของเขาในการย้ายจากสโมสรเพราะเหตุการณ์ของรูนีย์[26][27] โรนัลโดตัดสินใจอยู่กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และทำสัญญาใหม่ของเขาเป็นเวลา 5 ปี ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2007[28]
โรนัลโดถูกโห่ในระหว่างการแข่งขันโปรตุเกสกับฝรั่งเศสในรอบก่อนรองชนะเลิศซึ่งโปรตุเกสได้แพ้ไป[29] และพลาดรางวัลผู้เล่นของการแข่งขันที่ดีที่สุด.[30] แม้ว่าการโหวตออนไลน์รับผลกระทบเพียงกระบวนการสรรหา กลุ่มศึกษาทางเทคนิคของฟีฟ่าได้รับรางวัลเกียรติยศของเยอรมนีไปให้ลูคัส โพดอลสกี โดยอ้างว่าพฤติกรรมของโรนัลโดเป็นปัจจัยในการตัดสินใจ[31]

ประตูในนามทีมชาติ

คริสเตียโน โรนัลโด: International goals
#วันที่สถานที่คู่แข่งประตูผลรายการ

112 มิถุนายน 2004โปร์ตูโปรตุเกสธงชาติประเทศกรีซ กรีซ1–21–2ยูโร 2004
230 มิถุนายน 2004เอสตาดีอู ฌูแซ อัลวาลาดึลิสบอนโปรตุเกสFlag of the Netherlands เนเธอร์แลนด์1–02–1ยูโร 2004
34 กันยายน 2004สคอนโตสเตเดียมรีกาลัตเวียธงชาติลัตเวีย ลัตเวีย0–10–2ฟุตบอล 2006 รอบคัดเลือก
48 กันยายน 2004เอสตาดีอู ดร. มากัลไยช์ เปซัวไลรีอาโปรตุเกสธงชาติเอสโตเนีย เอสโตเนีย1–04–0ฟุตบอล 2006 รอบคัดเลือก
513 ตุลาคม 2004เอสตาดีโอ ฌูแซ อัลวาลาดึลิสบอนโปรตุเกสธงชาติรัสเซีย รัสเซีย2–07–1ฟุตบอล 2006 รอบคัดเลือก
613 ตุลาคม 2004เอสตาดีโอ ฌูแซ อัลวาลาดึลิสบอนโปรตุเกสธงชาติรัสเซีย รัสเซีย4–07–1ฟุตบอล 2006 รอบคัดเลือก
717 พฤศจิกายน 2004ชตาเดอ โยซี บาร์เทิล, ลักเซมเบิร์ก, ลักเซมเบิร์กธงชาติลักเซมเบิร์ก ลักเซมเบิร์ก0–20–5ฟุตบอล 2006 รอบคัดเลือก
84 มิถุนายน 2005อิสตาจีอูดาลูซลิสบอนโปรตุเกสธงชาติสโลวาเกีย สโลวาเกีย2–02–0ฟุตบอล 2006 รอบคัดเลือก
98 มิถุนายน 2005เอ. เลอก็อกอารีนาTallinnเอสโตเนียธงชาติเอสโตเนีย เอสโตเนีย0–10–1ฟุตบอล 2006 รอบคัดเลือก
101 มีนาคม 2006เอลเทอู อาเรนาดึสเซลดอร์ฟเยเรอมนีธงชาติซาอุดีอาระเบีย ซาอุดีอาระเบีย0–10–3กระชับมิตร
111 มีนาคม 2006เอลเทอู อาเรนาดึสเซลดอร์ฟเยอรมนีธงชาติซาอุดีอาระเบีย ซาอุดีอาระเบีย0–30–3กระชับมิตร
1217 มิถุนายน 2006วัลด์สตาเดชันแฟรงก์เฟิร์ตเยอรมนีธงชาติอิหร่าน อิหร่าน2–02–0ฟุตบอลโลก 2006
137 ตุลาคม 2006เอสตาดีอูดูเบซาโปร์ตูโปรตุเกสธงชาติอาเซอร์ไบจาน อาเซอร์ไบจาน1–03–0ยูโร 2008 รอบคัดเลือก
147 ตุลาคม 2006เอสตาดีอูดูเบซาโปร์ตูโปรตุเกสธงชาติอาเซอร์ไบจาน อาเซอร์ไบจาน3–03–0ยูโร 2008 รอบคัดเลือก
1515 พฤศจิกายน 2006Estádio Cidade de Coimbraกูอิงบราโปรตุเกสธงชาติคาซัคสถาน คาซัคสถาน2–03–0ยูโร 2008 รอบคัดเลือก
1624 March 2007Estádio José AlvaladeLisbonPortugalธงชาติเบลเยียม เบลเยียม2–04–0ยูโร 2008 รอบคัดเลือก
1724 March 2007Estádio José AlvaladeLisbonPortugalธงชาติเบลเยียม เบลเยียม4–04–0ยูโร 2008 รอบคัดเลือก
1822 August 2007Hanrapetakan StadiumYerevanArmeniaธงชาติอาร์มีเนีย อาร์มีเนีย1–11–1ยูโร 2008 รอบคัดเลือก
198 September 2007Estádio da LuzLisbonPortugalธงชาติโปแลนด์ โปแลนด์2–12–2ยูโร 2008 รอบคัดเลือก
2017 October 2007Almaty Central StadiumAlmatyKazakhstanธงชาติคาซัคสถาน คาซัคสถาน0–21–2ยูโร 2008 รอบคัดเลือก
2111 June 2008Stade de GenèveGenevaSwitzerlandFlag of the Czech Republic สาธารณรัฐเช็ก1–21–3ยูโร 2008
2211 February 2009Estádio Algarve, Faro, Portugalธงชาติฟินแลนด์ ฟินแลนด์1–01–0กระชับมิตร
2321 June 2010Cape Town StadiumCape TownSouth Africaธงชาติเกาหลีเหนือ เกาหลีเหนือ6–07–02010 World Cup
248 October 2010Estádio do DragãoPortoPortugalธงชาติเดนมาร์ก เดนมาร์ก3–13–1Euro 2012 Qualification
2512 October 2010LaugardalsvöllurReykjavíkIcelandธงชาติไอซ์แลนด์ ไอซ์แลนด์0–11–3Euro 2012 Qualification
269 February 2011Stade de GenèveGenevaSwitzerlandธงชาติอาร์เจนตินา อาร์เจนตินา1–12–1Friendly
2710 August 2011Estádio AlgarveFaroPortugalธงชาติลักเซมเบิร์ก ลักเซมเบิร์ก2–05–0Friendly
282 September 2011GSP StadiumNicosiaCyprusธงชาติไซปรัส ไซปรัส0–10–4Euro 2012 Qualification
292 September 2011GSP StadiumNicosiaCyprusธงชาติไซปรัส ไซปรัส0–20–4Euro 2012 Qualification
3011 October 2011Parken StadiumCopenhagenDenmarkธงชาติเดนมาร์ก เดนมาร์ก2–12–1Euro 2012 Qualification
3115 November 2011Estádio da LuzLisbonPortugalธงชาติบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา1–06–2Euro 2012 Qualification play-offs
3215 November 2011Estádio da LuzLisbonPortugalธงชาติบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา3–16–2Euro 2012 Qualification play-offs
3317 June 2012Metalist StadiumKharkivUkraineFlag of the Netherlands เนเธอร์แลนด์1–12–1Euro 2012
3417 June 2012Metalist StadiumKharkivUkraineFlag of the Netherlands เนเธอร์แลนด์2–12–1Euro 2012
3521 June 2012National Stadium, WarsawWarsawPolandFlag of the Czech Republic สาธารณรัฐเช็ก0–10–1Euro 2012
3615 August 2012Estádio AlgarveFaroPortugalธงชาติปานามา ปานามา2–02–0Friendly
377 September 2012Stade Josy BarthelLuxembourgLuxembourgธงชาติลักเซมเบิร์ก ลักเซมเบิร์ก1–11–22014 World Cup Qualification

งานอื่น

ด้วยความสามารถและความโด่งดัง จึงมีเอเย่นต์สนใจเขามาเป็นพรีเซนเตอร์อยู่หลายชิ้น ภาพลักษณ์ของโรนัลโดสร้างความสำเร็จให้กับการตลาดมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอเกมต่าง ๆ ไปจนโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ความหล่อเหลาของเขาก็ยังทำให้เขาได้รับการติดต่อจากนิตยสารแฟชั่นอีกด้วย นิตยสารโวกของอเมริกา นำเสนอเขาไปเป็นแบบปก และเขายังเป็นพรีเซนเตอร์ให้ผลิตภัณฑ์รองเท้ากีฬาอย่าง ไนกี้ โดยทางไนกี้เล็งเห็นว่าโรนัลโดมีฝีเท้าที่เป็นนักเตะที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก จึงได้คุยกับโรนัลโดเพื่อผลิตรองเท้าที่เบา พัฒนารองเท้า รองเท้ารุ่น Mercurial Vapor ออกมา[32][10]

นอกเหนือจากฟุตบอล

ชีวิตส่วนตัว

พ่อของโรนัลโดเป็นผู้อำนวยการสโมสรฟุตบอลเล็ก ๆ ที่ชื่ออังดูริญญา และพ่อเขาขอให้กัปตันทีมที่ชื่อฟือร์เนา โซซา (Fernão de Sousa) เป็นพ่อทูนหัว ส่วนแม่ของเขามีอาชีพเป็นแม่ครัว โรนัลโดช่วยเหลือครอบครัวเป็นอย่างดี ช่วยพี่สาวคนโตเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่เกาะมาเดรา ส่วนพี่สาวอีกคน กาเตีย เป็นนักร้อง มีวงดนตรีชื่อ "Ronalda"[10]
โรนัลโดประกาศว่าเขาได้กลายเป็นพ่อคนแล้ว เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ค.ศ. 2010 โดยประกาศในเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของเขา โดยพูดว่า เขาได้ลูกชายและต้องการความเป็นส่วนตัว โดยลูกชายของเขาชื่อว่าคริสเตียโน โรนัลโดย จูเนียร์ ที่กำเนิดมาจากหญิงนิรนาม[33] โดยเขาได้รับสิทธิในการดูแลเด็กอย่างสมบูรณ์[34] ภายใต้การดูแลจากแม่ของโรนัลโดและพี่สาว[35]
นอกจากนี้แล้ว โรนัลโดยังได้รับคำชื่นชมจากอาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ นักแสดงระดับซุปเปอร์สตาร์ของฮอลลีวุด ซึ่งเป็นอดีตสุดยอดนักเพาะกายโลก 7 สมัย ว่า เป็นนักฟุตบอลที่มีรูปร่างสมบูรณ์แบบที่สุดอีกด้วย[36]

องค์การการกุศล

ทรัพย์สิน

การสนับสนุน

แฟชัน

สื่อ

สถิติอาชีพ

สโมสร

ณ วันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 2015
สถิติสโมสร
สโมสรฤดูกาลลีกฟุตบอลถ้วย[a]ลีกคัพยุโรปอื่นๆ[b]รวม
ดิวิชันลงเล่นประตูลงเล่นประตูลงเล่นประตูลงเล่นประตูลงเล่นประตูลงเล่นประตู
สปอร์ติงลิสบอน2002–03[37]ปรีไมราลีกา253323[c]000315
รวม253323000315
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด[38]2003–04พรีเมียร์ลีก29452105[d]000406
2004–0533574208[d]000509
2005–0633920428[d]14712
2006–073417731011[d]35323
2007–083431330011[d]81[e]04942
2008–093318214212[d]42[f]15326
รวม196842613124551631292118
เรอัลมาดริด2009–10[39]ลาลีกา2926006[d]73533
2010–11[40]34408712[d]65453
2011–12[41]38465310[d]10215560
2012–13[42]34347712[d]12225555
2013–14[43]30316311[d]174751
2014–15[44]35482112[d]10525461
2015–1610800451413
รวม2102332821676795314326
รวมทั้งหมด431320573612412583126637449

ทีมชาติ


โรนัลโดน (ซ้าย) ขณะเล่นให้กับทีมชาติโดยพบกับ อาร์เจนตินา ใน เจนีวา, สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2011
ณ วันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 2015.[2][45][46]
ทีมชาติปีลงเล่นประตู
โปรตุเกส200320
2004167
2005112
2006146
2007105
200881
200971
2010113
201187
2012135
2013910
201495
201553
รวม12355

เกียรติประวัติ

เกียรติประวัติกับสโมสร


โรนัลโดกับลิโอเนล เมสซี, ในเดือนกุมภาพันธ์ 2011
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

เรอัลมาดริด

เกียรติประวัติทีมชาติ

ทีมชาติโปรตุเกส

เกียรติประวัติส่วนตัว

- Copyright © ฟุตบอล - Devil Survivor 2 - Powered by Blogger - Designed by Johanes Djogan -